วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Chat (การสนทนา)

Chat (การสนทนา)
การสนทนาออนไลน์
                การสนทนาออนไลน์ หรือ Internet Relay Chat (IRC) หมายถึง โปรแกรมที่ถูกสร้างมาเพื่อการสนทนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยการพิมพ์ข้อความผ่านคีย์บอร์ดขึ้นสู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งจะมีชื่อของผู้เล่นและข้อความแสดงขึ้นในหน้าต่างภายในจอคอมพิวเตอร์ของโปรแกรมสนทนา ให้คนอื่น ๆ ที่ร่วมสนทนาในห้องสนทนา (chat room) นั้น ๆ ได้เห็นว่า ผู้เล่นสนทนาคนอื่น ๆ สามารถเข้าสนทนาได้
บริการสนทนาออนไลน์บนอินเทอร์เน็ต เป็นการสื่อสารผ่านข้อความ เสียง และรูปภาพจาก Webcam โดยมีการโต้ตอบกันอย่างทันทีทันใด (real-time) มีลักษณะเดียวกันกับการสนทนาโดยโทรศัพท์ ต่างกันตรงที่ผู้สนทนาจะสื่อสารผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ ในขณะเดียวกันก็สามารถส่งข้อความ ภาพ และเสียงให้กันโดยมีอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลางในการส่งข้อมูล
              การสนทนาออนไลน์มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลว่าจะใช้งาน ข้อดีที่คือการได้รู้จักผู้คนมากขึ้น ได้แนวความคิดหลากหลาย มองโลกได้กว้างขึ้นโดยที่เป็นการลดช่องว่างด้านเวลา และสถานที่ ทำให้ได้รับรู้ประสบการณ์ของผู้อื่นพร้อมกับเผยแพร่ประสบการณ์ของตัวเองที่เป็นประโยชน์ เผยแพร่และแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูล ข่าวสารต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์  ส่วนข้อเสียเป็นอาการติดสนทนาออนไลน์ไม่สนใจกิจกรรมอื่นนอกจากสนทนาออนไลน์
                 รูปแบบการสนทนาออนไลน์ ในปัจจุบันมีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มสีสันการสนทนามากมาย ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความแตกต่าง ความน่าสนใจ ทำให้เข้ามาสนทนาพูดคุย สามารถแบ่งรูปแบบการสนทนาออนไลน์อย่างกว้าง ๆ ได้เป็น รูปแบบด้วยกัน คือ Web Chat, Web Board และโปรแกรมสนทนาออนไลน์ Web Chatเป็นการสนทนาโดยผ่านเซิร์ฟเวอร์กลาง ซึ่งจะทำให้เกิดกลุ่มสนทนาแล้วทุกคนที่ติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์นั้นสามารถได้รับข้อความนั้นได้พร้อม ๆ กัน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าห้องสนทนา (chat room) เป็นการเข้าไปคุยกันในเว็บที่จัดให้บริการ เป็นการคุยตอบโต้ระหว่างกันผ่านเซิร์ฟเวอร์ โดยใช้บราวเซอร์ปกติ รูปแบบ และบรรยากาศของห้องคุยก็จะขึ้นอยู่กับผู้สร้างสรรค์เว็บบริการนั้น ๆ ว่าให้ความน่าสนใจมากน้อยเพียงใด ซึ่งแต่ละห้องจะมีคนพูดคุยพร้อม ๆ กันหลายคน
    รูปแบบการสนทนาออนไลน์ (Chat)
การสนทนาออนไลน์ผ่านเซิร์ฟเวอร์กลาง
                เป็นลักษณะการสนทนาแบบเป็นกลุ่ม โดยผู้สนทนาจะพิมพ์ข้อความที่ต้องการสื่อสารผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ และเซิร์ฟเวอร์จะส่งข้อความเหล่านั้นออกมาแสดงบนหน้าจอของทุกคนที่กำลังติดต่อกับกับเซิร์ฟเวอร์อยู่ซึ่งเราเรียกว่า ห้องสนทนา” (Chat Room)
                วิธีการสนทนาออนไลน์ผ่านทางเซิร์ฟเวอร์กลาง จะมีเทคนิคเพื่อให้เลือกใช้บริการดังนี้
                1. การสนทนาออนไลน์ผ่านโปรแกรม คือ ลักษณะการสนทนาด้วยข้อความในห้องสนทนาโดยใช้โปรแกรมของแต่ละเครื่องของผู้ใช้ มีเซิร์ฟเวอร์มากมาย เช่น PIRCH,mIRC และ Comic Chat
              2. การสนทนาออนไลน์ผ่านเว็บ (Web Chat) คือ รูปแบบของการนำวิธีการทำงานบนเว็บเซิร์ฟเวอร์มาทำให้เกิดห้องสนทนา บนเว็บเพจของผู้ที่เข้าไปใช้บริการ โดยไม่ต้องมีโปรแกรมรันอยู่บนเครื่องของผู้สนทนา ปัจจุบันการสนทนาออนไลน์ผ่านเว็บได้นำเทคโนโลยี จาวา” (Java) มาใช้เขียนโปรแกรม
ขั้นตอนการสนทนาแบบ Chat Room
1.พิมพ์ URL ที่ช่อง Address: htt://www.sanook.com
2.คลิกเลือกที่ คุยสด จะแบ่งออกเป็น รูปแบบ คือ
Java Chat ซึ่งจะต้องติดตั้งโปรแกรม Java Applet ก่อน จึงจะสามารถสนทนารูปแบบนี้ได้Classic Chat เป็นรูปแบบดั้งเดิของการสนทนาออนไลน์โดยผ่ามเซิร์ฟเวอร์ สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใดๆเพิ่มเติม
3.เมื่อเลือก Ciassic Chat จะมีรายชื่อของห้องสนทนาต่างๆภายในเซิร์ฟเวอร์แสดงออกมาให้ผู้ใช้ได้เลือกตามควมสนใจ เพื่อจะได้เข้าไปคุยกับเพื่อนๆภายในห้องสนทนาที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน
4.เมื่อเลือกห้องที่ต้องการสนทนาได้แล้ว จะปรากฎเว็บเพจในการแนะนำวิธีการ Log on เพื่อขอใช้บริการ พร้องทั้ให้พิมพ์ชื่อ และสีของข้อควมที่ต้องการใช้ระหว่างการสนทนจา เมื่อกำหนดเรียบร้อยแล้วให้คลิกที่ "เข้าห้อง"
5.เมื่อเข้าไปภายในห้องสนทนาแล้ว จะปรากฎชื่อของสมาชิกทั้งหมดภายในห้องสนทนานี้ และการสนทนาสามารถเลือกได้ว่าจะส่งข้อความถึงใคร หรือส่งถึงทุกคนภายในห้องก็ได้ แต่ขอความที่แสดงบนหน้าจอ ทุกคนที่อยู่ภายในห้องสนทนานั้นจะเห็นด้วยกันทั้งหมด
6.เมื่อเลิกผู้สนทนาที่เราต้องการส่งข้อความถึงแล้วนั้น เราก็ทำการพิมพ์ข้อความที่ต้องการจะส่งไป แล้วเลือกคลิกที่ Update ข้อความของเราจะไปปรากฎบนหฟน้าจดของทุกคนที่ใช้ห้องสนทนานี้
7.เมื่อต้องการออกจากหน้าสนทนา ให้คลิก Logoff
8.เพียงการทำงานตามขั้นตอนนี้ เราก็สามารถไปห้องสนทนายังห้องต่างๆได้โดยไม่ต้องทำการลงทะเบียนสมัครป็นสมาชิของเว็บไซต์ที่ให้บริการเหล่านั้น และเมื่อทำการ Logoff ออกจากห้องสนทนาห้องใดห้องหนึ่งแล้ว ก็สามารถที่จะเปลี่ยนไปสนทนายังห้องอื่นๆต่อไปได้อีก
การสนทนาออนไลน์โดยตรงระหว่างผู้ใช้อินเทอร์เน็ต
                การสนทนาออนไลน์รูปแบบนี้จะไม่ต้องผ่านเซิร์ฟเวอร์ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การรับส่งสารแบบทันทีทันใด” หรือ Instant Messaging เช่นโปรแกรม ICQ,MSN Messenger, Yahoo Messenger, Windows Messenger เป็นต้น จะเป็นรูแบบของการสนทนาแบบตัวต่อตัว มิใช่ลักษณะการสนทนาในแบบห้องสนทนา
Social Media กับ Social Network แตกต่างกันอย่างไร
   Social หมายถึง "สังคม" ซึ่งในที่นี้ก็จะหมายถึง สังคมออนไลน์นั่นเอง
 Media 
หมายถึง "สื่อ" ซึ่งในที่นี้ก็จะหมายถึงสื่อในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาพ เสียง วีดิโอ ข้อความ เป็นต้น
 
      ดังนั้น Social Media ก็น่าจะหมายความว่า สื่อสังคมออนไลน์ที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน โดยใช้สื่อต่างๆ เป็นตัวแทนในการสนทนา โดยได้มีการจัดแบ่งประเภทของ Social Media ออกเป็นหลายประเภท เช่น ประเภทสื่อสิ่งพิมพ์ (Publish) ที่มี Wikipedia, Blogger เป็นต้นประเภทสื่อแลกเปลี่ยน (Share) ที่มี YouTube, Flickr, SlideShare เป็นต้น,
ประเภทสื่อสนทนา (Discuss) ที่มี MSN, Skype, Google Talk เป็นต้น และยังมีอีกหลายประเภท โดยอีกประเภทของ Social Media ที่สร้างความสับสนให้บ้าง ก็คือ ประเภทเครือข่ายสังคมออนไลน์       หรือที่เรียกกันว่าSocial Network ที่มี Facebook, LinkedIn, Google+ เป็นต้น

        
Social Network  จึงเป็นส่วนหนึ่งของ Social Media นั่นเอง ถ้าจะพูดรวมสื่อสังคมออนไลน์ทั้งหมด เราก็จะใช้คำว่า Social Mediaแต่ถ้าต้องการเน้นเฉพาะเครือข่ายสังคมออนไลน์แล้ว เราก็จะใช้คำว่า Social Network นั่นเอง
โปรแกรมสนทนา
       1. โปรแกรมเพิร์ท (PIRCH)
                PIRCH เป็นโปรแกรมสนทนาประเภท Internet Relay Chat ที่ใช้เชื่อมต่อเข้าไปยัง Server ที่ให้บริการ การสนทนาจะทำเหมือนกับการส่งข้อความ (Message) คุยผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เราเรียกวิธีนี้ว่า การแชท (Chat) เมื่อต้องการสนทนาจะต้องเปิดเข้าที่โปรแกรม PIRCH เท่านั้น 
                ประโยชน์ของ PIRCH ก็เหมือนกับโปรแกรมอื่น ๆ ที่คุยกันได้ทีละหลาย ๆ คนในครั้งเดียว สามารถส่งรูปหากันระหว่างเรากับเพื่อนสนทนาได้ ภายในโปรแกรมยังแบ่งเป็นห้องสนทนาย่อย ๆ ตามความสนใจของผู้เล่น จะคุยเป็นการส่วนตัว (เราเรียกกันว่าซิป) หรือจะคุยผ่านหน้าห้องนั้น ๆ ก็ได้ ตัวอย่างห้องสนทนาในโปรแกรม เช่น ห้องคนน่ารัก ห้องคนขี้เหงา ห้องผู้หญิงทำงาน หรือรวมไปถึงห้องขายบริการ ฯลฯ
       2. โปรแกรมไอซีคิว (ICQ) 
                ICQ คือโปรแกรมที่ใช้สำหรับการติดต่อผ่านทางอินเตอร์เน็ต ที่นิยมใช้งานกันมากที่สุดอีกอันหนึ่ง เป็นคำย่อมาจากคำว่า "I Seek You" เมื่ออ่านออกเสียงเร็ว ๆ จะอ่านว่า ไอซีคิว ICQ นับได้ว่าเป็นโปรแกรมสำหรับการติดต่อสื่อสารอีกชนิดหนึ่งที่สามารถทำการได้แบบออนไลน์ กล่าวคือ สามารถคุยกันได้ทันที หรือจะฝากข้อความไว้ คล้าย ๆ กับการส่งเมล์ก็ทำได้ โดยก่อนที่จะใช้งานจะต้องทำการลงทะเบียน เพื่อขอรับเลขประจำตัวหรือ UIN มาก่อน ตัวเลขที่ได้มาจะคล้าย ๆ กับเบอร์โทรศัพท์ เมื่อเราจะติดต่อกับใคร ก็ใช้จะเลขประจำตัวที่ได้มานี้ เป็นการระบุผู้ที่เราต้องการติดต่อด้วย 
       3. ซอฟต์แวร์คิวคิว (QQ)
                QQ คือซอฟต์แวร์สำหรับใช้รับ-ส่งข้อความผ่านอินเตอร์เน็ตในลักษณะ Instant messenger (IM)ซอฟต์แวร์นี้ช่วยให้เราสามารถติดต่อสื่อสารกับเพื่อน ๆ ของเราได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น การส่งหรือรับข้อความก็สามารถทำได้ทันที นอกจากนี้เรายังสามารถใช้งานฟังก์ชันอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ด้วย เช่น ส่งอีเมล์,รับ - ส่งไฟล์รับ - ส่งข้อความเล่น net meeting, Chat room, PC to PC voice chat และอื่นๆ อีกมากมาย
        4. Yahoo! Messenger
                Yahoo Messenger คืออีกหนึ่งบริการ Chat หรือการคุยกับเพื่อน ๆ ที่ออนไลน์อยู่โดยการรับ และส่งข้อความ ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ สำหรับผู้ที่มี Yahoo! ID และ Password โปรแกรมแชทนี้จะสามารถติดต่อกันได้ระว่างผู้ที่มีอีเมล์ยาฮูเหมือน ๆ กัน เท่านั้น (ใครที่ยังไม่มีสามารถ Sign up เพื่อขอ Yahoo! ID และ Passwordและดาวน์โหลดโปรแกรมได้ที่ yahoo.com)
                Yahoo Messenger เป็น Instant messenger ที่ค่อนข้างสมบูรณ์คือ ส่ง Pager message ให้เพื่อนในContact Listได้ในขณะที่พวกเขายังไม่ออนไลน์ เมื่อเพื่อน ๆ ออนไลน์จะได้รับ Message นั้น ขณะที่ของค่ายMSN ยังส่งได้เฉพาะตอนออนไลน์
        5. MSN Messenger
                โปรแกรมสนทนาที่สร้างโดยบริษัท Microsoft ใช้ประโยชน์ในการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้ emailที่ใช้ฟรีอีเมลของ Hotmail โปรแกรม MSN มีประโยชน์ช่วยให้เราสามารถสนทนากับคนอื่นได้ทีละหลายๆคนในครั้งเดียวกัน ถ้าหากว่าคนที่เราสนทนานั้น เปิดหรือออนไลน์อยู่ในขณะนั้นด้วย เช่น ใช้ในการประชุมได้แม้ไม่ได้อยู่สำนักงานเดียวกัน หรือเป็นอักษรย่อของโปรแกรม Microsoft หรือเป็นโลโก้ของเว็บไซต์msn.com ซึ่งหากเราจะเข้าไปใช้งาน MSN Messenger สามารถเข้าไปได้ที่ msn.com หรือจะเข้าไปที่เว็บไซต์ที่มีการใช้ MSN เช่น www.hotmail.comซึ่งจะให้เราสมัครเข้าไปใช้ได้โดยจะ ชื่อ ถาม Password หรือข้อมูลทั่วๆไปคล้ายกับการสมัคร e-mail
รายละเอียดของ facebook
Facebook (เฟสบุ๊ค) คือ บริการบนอินเทอร์เน็ตบริการหนึ่ง ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถติดต่อสื่อสารและร่วมทำกิจกรรมใดกิจกรรม หนึ่งหรือหลายๆ กิจกรรมกับผู้ใช้ Facebook คนอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งประเด็นถามตอบในเรื่องที่สนใจโพสต์รูปภาพ โพสต์คลิปวิดีโอเขียนบทความหรือบล็อกแชทคุยกันแบบสดๆ เล่นเกมส์แบบเป็นกลุ่ม (เป็นที่นิยมกันอย่างมาก) และยังสามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ผ่านแอพลิเคชั่นเสริม (Applications) ที่มีอยู่อย่างมากมาย ซึ่งแอพลิเคชั่นดังกล่าวได้ถูกพัฒนาเข้ามาเพิ่ม เติมอยู่เรื่อยๆ
จนเรียกได้ว่าเลือกใช้กันทั้งปีก็ไม่หมด
จะอธิบายคำว่า Facebook คืออะไรนั้น คงต้องอธิบายคำว่า Social network กันก่อนSocial networkคือ การที่คนเราสามารถทำความรู้จักหรือแลกเปลี่ยนข้อมูล เชื่อมโยงกันในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
เว็บไซต์ที่เรียกว่าเป็น เว็บ Social Network ก็คือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยกัน ซึ่งทำให้เกิดเครือข่ายสังสังคมที่ทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันบนโลกอินเตอร์เน็ท
                Facebook คือ  เว็บไซต์ Social Network เว็บหนึ่ง เป็นเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดเป็นอันดับ 1ของโลก การได้รับความนิยมของ Facebook อาจเนื่องมาจากบน Facebook นั้น ผู้ใช้งานสามารถใช้เพื่อติดต่อสื่อสารหรือร่วมทำกิจกรรมกับผู้ใช้งานท่านอื่นได้เช่น การเขียนข้อความ เล่าเรื่อง ความรู้สึก แสดงความคิดเห็นเรื่องที่สนใจ โพสต์รูปภาพ โพสต์คลิปวิดีโอ แชทพูดคุย เล่นเกมที่สามารถชวนผู้ใช้งานท่านอื่นมาเล่นกับเราได้ รวมไปถึงทำกิจกรรมอื่นๆ ผ่านแอพลิเคชั่นเสริม (Applications) ที่มีอยู่อย่างมากมาย ซึ่งแอพลิเคชั่นดังกล่าวได้ถูกพัฒนาเข้ามาเพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ แอพลิเคชั่นยังแบ่งออกเป็นหลายหมวดหมู่ เช่น เพื่อความบันเทิง เกมปลูกผักยอดนิยม เป็นต้น หรือไม่ว่าจะเป็นเชิงธุรกิจ แอพลิเคชั่นของ Facebook ก็มีให้ใช้งานเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้Facebook จึงได้รับความนิยมไปทั่ว
Facebook ก็มีทั้งประโยชน์และโทษในตัวของมันเอง ลองมาดูเรื่องของประโยชน์กันก่อนดีกว่า เราสามารถใช้เว็บเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารข้อความต่างๆทั้งภาพถ่ายและวิดีโอ หรือเอาไว้โชว์ผลงานอวดความเก๋า ความเก่งเและเจ๋ง ทั้งของตัวเอง เพื่อนพ้องน้องพี่ แฟนคลับดารา หรือขององค์กรเพื่อส่งออกไปยังคนกลุ่มหนึ่งโดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทางด้านการตลาด บางคนก็เรียกเป็นกลยุทธ์ปากต่อปาก หรือ Viral Marketing แค่โพสต์ข้อความลงไปในหน้า pageเพื่อนของเราหรือใครๆที่อยู่ใน Contacts List ก็จะได้รับข้อมูลเหล่านั้น และถ้าเนื้อหาต่างๆมีความน่าสนใจ มันก็จะถูกส่งต่อออกไปเรื่อยๆ ใครจะไปรู้ว่าข้อความของเราอาจส่งไปไกลถึงอีกฝั่งนึงของโลกก็ได้นะ
มาพูดถึงโทษกันบ้าง การที่เราติดมันมากเกินไปก็ทำให้เสียอะไรหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเวลาส่วนตัวในชีวิตจริง ที่ต้องเสียไปโดยไม่มีประโยชน์อะไรเพราะว่ามัวแต่หมกมุ่นอยู่ในโลกออนไลน์ เสียสุขภาพหากเรานั่งเล่นอยู่หน้าจอคอมนานๆ เสียงานหากติดซะจนเล่นไม่ เป็นเวลา ส่วนปัญหาทางสังคมอย่างบรรดาดาราที่ตกเป็นข่าวว่า Facebook ที่พวกคุณcommentกันอยู่ไม่ใช่ตัวจริง ขนาดดาราตัวจริงไปcomment แก้ข่าวยังโดนตอกกลับมาจากแฟนคลับว่าหล่อนน่ะตัวปลอม คิดไปก็น่าสงสารอยู่ดีๆก็มีตัวปลอมขึ้นมาอีกคน ตัวจริงอย่างฉันต้องมานั่งรบกับตัวเองเหนื่อยนะเนี่ย ฉันน่ะตัวจริงนะเชื่อกันบ้าง! นี่ก็เป็นปัญหาหนักอกหนักใจถึงขนาดต้องออกมาประกาศตัวกันเลยทีเดียว หลอนดีพิลึก เทคโนโลยียังเป็นดาบสองคม ที่เหล่าบรรดามิจฉาชีพอาจแฝงตัวเข้ามาหาเราโดยไม่รู้ตัว เริ่มจากตีซี้ ทำาความสนิทสนมจนเราตายใจ ที่เรียกง่ายๆว่าแอ๊บมาเป็นเพื่อนเราแล้วก็ทำาการนัดเจอกัน บางคนอาจเสียตัว หรือเสียทรัพย์ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เหตุการณ์ต่างๆมักเกิดขึ้นได้บ่อยๆตามหน้าหนังสือพิมพ์ ดังนั้นเราควรรู้เท่าทันเทคโนโลยีและสิ่งยั่วยุต่างๆ ควรไตร่ตรองก่อนที่จะหลงเชื่อคำพูด 
พฤติกรรมการใช้เฟสบุ๊ค (Facebook ) กับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีสื่อสาร          หากมีครูหรือาจารย์ท่านใด ในชั้นเรียนกล่าวคำถามในชั้นเรียนว่า ใครใช้บริการ เฟสบุ๊ค(Facebook )บ้างถ้ามีนักเรียนคนใด คนหนึ่งในชั้นเรียน ตอบว่า ไม่เคยใช้ เฟสบุ๊ค คงเป็นคนที่ล้าสมัย เพราะคนส่วนมากใช้ บริการเฟสบุ๊ค เป็นช่องทางในการติดต่อ สื่อสารกันในปัจจุบัน          บริการเฟสบุ๊ค(Facebook ) เป็นหนึ่ง ในบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network) เปิดใช้งานเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2004 โดยผู้คิดค้นคือ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก โดยปัจจุบัน เฟสบุ๊คได้รับความนิยมทั่วโลก หากเข้าดูข้อมูลในเว็บ www.checkfacebook.com ที่เป็นเว็บสำหรับแจ้งผู้ใช้บริการของบริษัทแห่งนี้ ยอดข้อมูลผู้ใช้บริการเมื่อวันที่ 22สิงหาคมจะมียอดผู้ใช้บริการทั่วโลก มีมากถึง720,584,160 ล้านคน ใน ส่วนผู้ใช้บริการในไทยมีมากถึง11,698,220 คน           ผู้เขียนเองเป็นคนหนึ่งที่สนใจเรื่องเทคโนโลยี และใช้บริการ เฟสบุ๊ค ตามกระแสคนที่ใช้เทคโนโลยีทั่วไป โดยมีบุคคลทีรับเป็นสมาชิก981 คน ผู้เขียนใช้เป็นช่องทางในการติดต่อ สื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล ระหว่างบุคคลที่รู้จัก ผู้เขียนเฝ้าสังเกตพฤติกรรมสมาชิกที่ใช้เฟสบุ๊คสามารถวิเคราะห์บุคคลที่ใช้ เฟสบุ๊ค เป็นช่องทางในการสื่อสารแล้ว แบ่งประเภทตามกลุ่มคนที่ใช้งาน พบว่า มีดังนี้          1. กลุ่มคนที่ใช้เป็นช่องทาง มุ่งแสดงความคิดเห็นทัศนะของตนเอง หรือ การพรรณนา เช่น พรรณนาตัวเอง รำพึงรำพันตนเอง หรือ ความรัก ฯลฯ อาจเป็นข้อความสั้นๆ หรือ บทกลอน ซึ่งกลุ่มนี้จะเน้นไปทางด้านการบันเทิงมากกว่า          2. กลุ่มคนที่เก็บกด หรือ กลุ่มที่อยากแสดงความสามารถ คือ ใช้เป็นเครื่องมือแห่งอำนาจ ระบายอารมณ์ ความรู้สึกของตัวเอง ใช้สื่อเป็นช่องทางปลอดปล่อยเรื่องบางเรื่องพูดไม่ได้ เช่น เกลียดคนนั้น แอบชอบคนนั้น เบื่อเจ้านาย หรือ บอกข้อดีของตนเอง ความสามารถพิเศษ ฯลฯ         3. กลุ่มคนที่ชอบสื่อสาร หรือเรียกได้ว่านักสื่อสาร โดย รับความรู้ใหม่ๆ หรือมุ่งเน้นให้ความรู้ คือ ใช้ติดต่อสื่อสาร คุยเรื่องงาน สนทนาทั่วไป เขียนบทความ หรืออัพเดตข่าวสาร ใหม่ๆ เช่น ข่าว การท่องเทียว ความสวยความงาม การเรียน กิจกรรมทำร่วมกัน หรือแม้แต่เขียนงานวิชาการ ฯลฯ          4. กลุ่มคนที่ขายสินค้าและบริการ เช่น อาชีพรับจ้างโพสต์ ข้อความ การตลาด ฝ่ายประชาสัมพันธ์สินค้าต่างๆ ฯลฯ          5. กลุ่มใช้เป็นแสดงออกทางเพศ เช่น หาแฟน หาสามี หาภรรยา หากิ๊ก และกลุ่มที่ขายบริการ ฯลฯ          6. กลุ่มคนที่สมัครไว้เล่นเกม          7.กลุ่มคนสมัครไว้โพสรูปภาพ สถานที่ท่องเที่ยว อาหาร ดอกไม้ ผู้คน ฯลฯ          8.พวกสมัครไว้ตามกระแส ขอให้มีไว้ก่อนไม่เชย          9.ใช้สำหรับที่ทำงาน ในการติดต่อประสานงาน หรือเผยแพร่ข่าวสาร          10. กลุ่มที่สมัครไว้เฉยๆ ไม่เล่น แต่คอยสังเกตพฤติกรรมของสมาชิก และรับข่าวสาร                 โดยการใช้งานในแต่ละประเภทเป็นไปตามลักษณะความเชื่อ ประสบการณ์ เพศและอายุ ของผู้ใช้แตกต่างกันไป แต่ผู้เขียนสนใจว่า เฟสบุ๊ค ทำให้เกิดสังคมออนไลน์ (Social Network) ที่ใหญ่มาก โดยทำให้วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไป เทคโนโลยีก่อนหน้านี้มี โทรศัพท์ ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์ในด้านการติดต่อสื่อสาร คือใช้ สนทนากัน ข้ามข้อจำกัดในเรื่องสถานที่ เวลา โดยขยายการสื่อสารการได้ยินของมนุษย์ และเสียค่าบริการแก่ผู้ให้บริการ และปัจจุบัน เฟสบุ๊ค ได้เข้ามาเป็นสิ่งที่จำเป็น หนึ่งในการสื่อสาร ที่สะดวกกว่าโทรศัพท์ โดยใช้สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์ มือถือที่เรียกว่า สมาร์ทโฟน (smart phone) หรืออุปกรณ์ที่รองรับการใช้งานได้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยี ที่ทำให้การติดต่อสื่อสารของผู้คนเปลี่ยนไป คือ เกิดหลอมรวมเทคโนโลยี (convergence technology )และมีกลุ่มที่เรียกว่าสังคมออนไลน์ :ซึ่งจะคอยกำหนดและหล่อหลอม วิธีคิด กรอบความเชื่อ ซึ่งเกิดจากเทคโนโลยีเปลี่ยนนี้เอง มีสำนักด้านการสื่อสารซึ่งได้อธิบายการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีไว้ได้อย่างสนใจ คือ ทฤษฎีสำนักโตรอนโต ซึ่งเป็นทฤษฎีที่สนใจเรื่องเทคโนโลยี อธิบาย ว่าเทคโนโลยีการสื่อสาร เป็นพื้นฐานของทุกสังคม ไม่ว่าจะอยู่ในสังคมไหน
เทคโนโลยีการสื่อสารแต่ละชนิดก็ขึ้นอยู่กับโครงสร้างสังคมที่ต่างชนิดกัน
             ขั้นตอนของเทคโนโลยีการสื่อสาร แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ การคิดค้น ,             การขยาย ,การควบคุม ทุกครั้งที่มีการปฏิวัติ เทคโนโลยีการสื่อสาร สังคมมีการปฏิวัติ ผลกระทบการสื่อสารเปลี่ยน สำนึกเรื่องเวลา ,สำนึกเรื่องพื้นที่,ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์  ผู้เขียนหยิบยกทฤษฎีนี้มากล่าวอ้าง เพราะ เฟสบุ๊ค ถือว่าเป็น เทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลง คือ ทำให้เกิดการปฏิวัติทางการสื่อสาร เพราะคนจะสื่อสารกันได้รวดเร็วขึ้น และมีเครือข่ายเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารมากขึ้น จนมีนักวิชาการสำนักนี้กล่าวว่าเป็น หมู่บ้านโลก คือ เทคโนโลยีการสื่อสาร ยุคที่โลกจะใหญ่ขนาดไหน แต่ก็ถูกย่อให้มีขนาดเล็ก คือคนบนโลกสามารถเสพข่าวสารได้เหมือนกัน หรือ เสพวัฒนธรรมร่วมกันได้ โดยมีองค์ประกอบของ คือ ข้อมูลเหมือนๆกัน พร้อมเพรียงกัน และทันทีทันใด ผลทีเกิดขึ้นตามมา คือ ประสบการณ์ วิสัยทัศน์ ของผู้ใช้เทคโนโลยี ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกจะถูกยุบรวมกัน คือคนเราจะแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน และข้ามประเทศ ข้ามวัฒนธรรมกันมากขึ้น ความแตกต่าง และความเหมือนทางความคิดจะมีมากขึ้น ภายใต้ ความรวดเร็ว ข้อมูลที่มาพร้อมเพรียงกัน และมาเหมือนกัน และคนที่เล่น  เฟสบุ๊ค ใช้สื่อมากขึ้น แลกเปลี่ยนกันมากขึ้น ดังนั้นการตัดสินในของคนก็อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลข่าวสาร เมื่อสื่อและช่องทางการสื่อสารเฟสบุ๊คมีอิทธิพลมาก แม้เฟสบุ๊ค จะมีประโยชน์ ต่อการสื่อสาร ขณะเดียวกัน ก็มีผลกระทบตามมาเฉกเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะ เฟสบุ๊คเข้ามาแทรกเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน คนและสังคมเริ่มเข้าสูยุคแห่งข่าวสาร คือ การตัดสินใจทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานข้อมูลข่าวสาร ผ่านทางสังคมออนโลน์ สังเกตง่ายๆว่า เช้าๆ บนรถโดยสารสาธารณะ หรือรถไฟฟ้า จะเห็นผู้คนอยู่กับมือถือ หรือเครื่องมือสื่อสารเพื่อดูข่าวสาร หรือ อ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสังคม           ในอดีตสื่อใช้เป็นเครื่องมือมากมาย เช่น ในการเมืองในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุคที่นาซีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว อิตเลอร์ ใช้สื่อวิทยุ และภาพยนตร์ในการปลุกระดมให้คนเยอรมันลุกมาเข่นฆ่า ชาวยิว หรือ ใน อเมริกายุคหนึ่งคนอเมริกาแตกตื่น มนุษย์ต่างดาว บกโลก โดยคนเชื่อข่าวรายการวิทยุ หรือยุคที่ละครทีวีและภาพยนตร์ เจริญก้าวหน้า ก็มีคำถามตามมามากมายเกี่ยวกับอิทธิพลของสื่อที่มีผลต่อความรุนแรงของคนในสังคมโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน หรือการเข้ามาของโลกออนโลน์ ในเทคโนโลยี ผ่านคอมพิวเตอร์ ก็มีคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมากมาย ว่ามีทั้งด้านดี และด้านลบ แน่นอนสื่อนอกจากเป็นเครื่องมือการสื่อสาร ติดต่อระวังกัน อย่างลืมไปว่า คนที่เข้ามาสื่อสารในโลกอินเตอร์เน็ตเฟสบุ๊คก็มีหลายประเภท เฉกเช่นเดียวกัน เหมือนที่ผู้เขียนได้หยิบยกแยกประเด็น ประเภทคนที่เล่นเฟสบุ๊ค ว่าแต่ละคนที่เล่นมีเป้าประสงค์ต่างกัน ที่ชัดเจนมากที่สุด คือ กลุ่มที่เข้ามาค้าสินค้าและบริการ เขาย่อมมีเป้าประสงค์ในการขายสินค้าของบริษัทของเขา หรือ .กลุ่มคนที่เก็บกด หรือ กลุ่มที่อยากแสดงความสามารถ ก็อยากแสดงให้เห็นการยอมรับ.           ที่ผู้เขียนยกตัวอย่างมา เพื่อแสดงให้เห็นว่า การที่เราจะเลือกใครเป็นเพื่อนในโลกออนไลน์ ในเฟสบุ๊ค เรารู้จักเขาดีพอ หรือ เราเปิดรับเพื่อนใหม่เพราะอะไร ?และสิ่งที่ผู้เขียนอยากตั้งคำถามมากที่สุดคือ ผู้ใช้ที่เล่นเฟสบุ๊ค ตอนนี้เท่าทัน เทคโนโลยี เท่าทัน เฟสบุ๊คมากน้อยเพียงใด หรือเราเป็นผู้ใช้มัน หรือตอนนี้เราถูกเฟสบุ๊คมันใช้งานเราอยู่ จนเป็นหน้าที่ที่เราต้องเข้ามาออนไลน์เสมอ เพื่อยอกกับใครๆว่าเราคิดเราทำอะไร หรือ ตอนนี้เราอยากเป็นบุคคลสาธารณะ สื่อหล่อหลวมเรา หรือเราจะเป็นผู้กำหนด ตัวเรา...

รายละเอียดของ Gmail
       Gmail คือบริการฟรีอีเมลที่ทำงานบนระบบ Search Engine หน้าตาดูจะไม่แตกต่างจากรูปแบบของGoogle เท่าไหร่ กล่าวคือไม่มีลูกเล่น ดูเรียบง่ายแต่เน้นที่ความรวดเร็วในการเข้าถึงเป็นหลัก สัญลักษณ์ (logo)นั้นประกอบไปด้วย สี คือ น้ำเงิน เขียว แดง และเหลือง ยังคงความเป็น Google ได้ดีมาก โดยหน้าหลักของGmail ประกอบไปด้วย ส่วน ดังนี้
  • ส่วนที่หนึ่ง คือส่วนด้านซ้าย ทำหน้าที่คล้ายๆกับบริการฟรีอีเมลอื่น ๆ นั่นคือให้เข้าถึงส่วนต่าง ๆ ของบริการได้ง่าย ประกอบด้วย Inbox , Sent mail , All mail , Spam หรือ Junk mail , Trash
    ลูกเล่นที่น่าสนใจ “Starred” เป็นส่วนพิเศษที่เว็บอื่นไม่เคยมีให้ Starred เป็นการทำเครื่องหมาย (Mark) ให้แก่จดหมาย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของผู้ใช้ว่า อีเมลที่ถูก mark นั้น สำคัญกว่าอีเมลอื่นๆ และอีกส่วนหนึ่งคือ Labels ซึ่งทำงานคล้ายกับ folder เราสามารถเพิ่มเข้าไปในจดหมายฉบับใดก็ได้ และในแต่ละ folder ก็จะมี labels ได้หลายอัน หลายท่านอาจจะมองภาพไม่ออก จึงขอยกตัวอย่างให้ดู เช่น แฟ้มเก็บเอกสาร แฟ้ม ในเอกสารทั้งหมดอาจจะมีแผ่นกระดาษแทรกแบ่งเอาไว้ด้วยว่า ช่วงหน้าไหนมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ก็เป็นทำนองเดียวกัน labels ก็คือส่วนที่จะบอกเราได้ว่าจดหมายฉบับไหนเป็นอะไร ซึ่งจะเป็นการแยกย่อยลงไปได้อีกในแต่ละ folder
  • ส่วนที่สอง คือ ส่วนกลาง จะเป็นจดหมาย ประกอบด้วยชื่อผู้ส่งหัวข้อจดหมายเวลาที่รับจดหมายเข้ามา นอกจากนี้แล้ว ยังมีปุ่มใช้งานทั้งบนและล่างของส่วนกลาง ซึ่งเราสามารถที่จะใช้ปุ่มเหล่านี้ทำงานคู่กับการทำเครื่องหมายถูกหน้าจดหมาย หลังจากนั้นเลือก Report As Spam จะเป็นการบอกให้ Gmail ทราบว่าจดหมายฉบับนี้เป็นอีเมลขยะ ดังนั้นระบบทำการจัดเก็บ เพื่อทำเป็นฐานข้อมูลในการตรวจจับspam ในคราวต่อไป เป็นต้น
  • ส่วนที่สาม เป็นส่วนที่ทำให้ Gmail พิเศษกว่าที่อื่น คือ “ การค้นหาอีเมล” (search mail) เพียงแค่ใส่คำหลัก(key words) ลงไป แล้วกด search mail จากนั้นการทำงานก็จะเหมือน Search Engineทุกประการ อีเมลทุกฉบับที่มีคำหลักนั้นก็จะปรากฏขึ้นมา ซึ่งในส่วนนี้ จะรวดเร็ว ง่าย และเปี่ยมประสิทธิภาพ เป็นหัวใจหลักของ search mail ที่ Gmail ต้องการมีไว้สำหรับใช้ดึงดูดผู้ใช้บริการ เนื่องจาก Gmail แปลงจากระบบกล่องเก็บจดหมาย มาเป็น ห้องสมุดเก็บจดหมาย” โดยใช้ระบบIndexing Technology ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถที่จะเก็บอีเมลได้มากเท่าที่ต้องการ
ข้อควรระวังในการใช้ Gmail
                  ถึงเราจะลบรายชื่อเมลแล้ว ก็ยังสามารถ Search หาใหม่ได้ทุกเมื่อ เนื่องจากอีเมลนั้นก็เพียงแต่หายไปจากเครื่อง แต่มิได้หายไปจากฐานข้อมูลของ Google นั่นหมายความว่า อีเมลส่วนตัวทุกฉบับที่มีการส่งถึงกันระหว่างผู้ใช้บริการ Gmail จะต้องผ่านการตรวจสอบและสแกนจากทาง Google เพื่อที่จะนำเข้าสู่ฐานข้อมูล Search Engine E-mail ซึ่งทางด้านกฎหมายถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล (เหมือนกับว่าทาง Googleจะสามารถล่วงรู้ความลับของเราได้ทุกเมื่อ หากมีการติดต่อกันผ่านทางอีเมล) ดังนั้นหากมีอีเมลที่เป็นความลับ หรือเป็นส่วนตัว ไม่อยากเก็บไว้ เราก็จะไม่มีทางลบให้หายไปได้อย่างถาวร เนื่องจากทุกอย่างขึ้นตรงกับGoogle แต่เพียงผู้เดียว
ข้อดีของ Gmail ที่อยากเชิญชวนให้ผู้ใช้ทั่วไปมาใช้กันเถอะ
ใช้ง่าย โหลดเร็ว ไม่ต้องโหลดบ้าบอคอแตกมากมาย โฆษณาน้อย รูปน้อย 
หน้าจอ เรียบง่าย ใช้งานสะดวก กราฟฟิคน้อยมาก (จริงๆ)
3 attach file ได้พร้อมกันหลายไฟล์ (คืออี hotmail บ้าต้องรอมันโหลดทีละไฟล์)
ไม่มีโฆษณา (คือ ถ้าสังเกตดูดีๆ เมลที่ส่งจาก hotmail จะมีพ่วงโฆษณาที่ท้ายเมล แต่ gmail ไม่มี)
เล่น MSN ก็ได้!! ~(คือ เอาเมล gmail ไปสมัครในเว็บ passport อีกที)
6 Google Docs เปิดเอกสารได้เลย ไม่ต้องโหลด 
จากข้อ เรายัง เซฟ งานออนไลน์และส่งให้ contact ใน gmail ได้ แม้ใช้เนตบุ๊คหรือคอมกากๆที่ไม่ Office
และจากข้อ อีกครั้ง เราสามารถเปิด .docx , .xlsx และอื่นๆที่เป็น 2007 ได้ออนไลน์
9 gmail มี google talk ให้แชต ข้างๆเมลได้เลย
 
10  มี label แบ่งงานเป็นสีๆด้วย
 
รายละเอียดของ Line App
  Line App คือ Application สำหรับ Chat ที่กำลังมาแรงแซงโค้ง Application เก่าๆอย่าง WhatsApp ด้วยการนำจุดขายในความน่ารัก และความเอาใจใส่ของผู้ผลิต มีวิธีการเพิ่มเพื่อนใน Line App หลายวิธีที่ค่อนข้าง Privacy และไม่ยุ่งยากในการหาเพื่อนเพิ่ม ที่สำคัญ Line App เป็น App Free 
         LINE เป็นโปรแกรมแชทที่สามารถใช้งานได้ทั้งโทรศัพท์มือถือที่มีระบบปฏิบัติการ iOS, Android, Windows Phone ล่าสุดสามารถใช้งานได้บนคอมพิวเตอร์ PC และ Mac ได้แล้ว ด้วยความที่มีลูกเล่นมากมาย สามารถแชท ส่งรูป ส่งไอคอน ส่ง Sticker ตั้งค่าคุยกันเป็นกลุ่ม ฯลฯ ทำให้มีผู้ใช้งานแอพนี้เป็นจำนวนมาก


สิ่งที่โดดเด่นของ LINE
         - สามารถเพิ่มกลุ่มสนทนาหรือเชิญเพื่อนได้ถึง 100 คน
          - ออกแบบให้สามารถโทร.หากันฟรีแบบ ต่อ 1
          - พัฒนาคุณภาพของการโทร.ให้ดียิ่งขึ้น โดยตัดเสียงรบกวนและเสียงแทรกจากบริเวณรอบๆ ทำให้ผู้ใช้สามารถพูดคุย
          - ส่งวิดีโอ และข้อความเสียงฟรี
การแอดเพื่อนของ LNE สามารถทำได้หลายแบบ เช่น
          - Shake It โดยเข้าโปรแกรม LINE ทั้งเราและเพื่อนแล้วให้เขย่าโทรศัพท์ใกล้ๆ กัน เพียงแค่นี้เพื่อนก็จะถูกแอดเข้ามาในรายชื่อของเราแล้ว
          - แอดเพื่อนจากรายชื่อที่อยู่ในโทรศัพท์ โดยที่สามารถกดเลือกได้เลย
          - แอดเพื่อนด้วย QR code โดยเมื่อเข้าไปแล้วจะมีช่องที่เป็นกล้องให้เราอ่าน QR Code ของเพื่อน
          - แอดเพื่อนโดยการค้นหาไอดีของเพื่อน


ที


เครือข่ายคอมพิวเตอร์

เครือข่ายคอมพิวเตอร์
                 การที่ระบบเครือข่ายมีบทบาทและความสำคัญเพิ่มขึ้น เพราะไมโครคอมพิวเตอร์ได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลาย จึงเกิดความต้องการที่จะเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เหล่านั้นถึงกับเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของระบบให้สูงขึ้น เพิ่มการใช้งานด้านต่าง ๆ และลดต้นทุนระบบโดยรวมลง มีการแบ่งใช้งานอุปกรณ์และข้อมูลต่าง ๆ ตลอดจนสามารถทำงานร่วมกันได้
สิ่งสำคัญที่ทำให้ระบบข้อมูลมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น คือ การโอนย้ายข้อมูลระหว่างกัน และการเชื่อมต่อหรือการสื่อสาร การโอนย้ายข้อมูลหมายถึงการนำข้อมูลมาแบ่งกันใช้งาน หรือการนำข้อมูลไปใช้ประมวลผลในลักษณะแบ่งกันใช้ทรัพยากร เช่น แบ่งกันใช้ซีพียู แบ่งกันใช้ฮาร์ดดิสก์ แบ่งกันใช้โปรแกรม และแบ่งกันใช้อุปกรณ์อื่น ๆ ที่มีราคาแพงหรือไม่สามารถจัดหาให้ทุกคนได้ การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เป็นเครือข่ายจึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้กว้างขวางและมากขึ้นจากเดิม
การเชื่อมต่อในความหมายของระบบเครือข่ายท้องถิ่น ไม่ได้จำกัดอยู่ที่การเชื่อมต่อระหว่างเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ แต่ยังรวมไปถึงการเชื่อมต่ออุปกรณ์รอบข้าง เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้การทำงานเฉพาะมีขอบเขตกว้างขวางยิ่งขึ้น มีการใช้เครื่องบริการแฟ้มข้อมูลเป็นที่เก็บรวบควมแฟ้มข้อมูลต่างๆ มีการทำฐานข้อมูลกลาง มีหน่วยจัดการระบบสือสารหน่วยบริการใช้เครื่องพิมพ์ หน่วยบริการการใช้ซีดี หน่วยบริการปลายทาง และอุปกรณ์ประกอบสำหรับต่อเข้าในระบบเครือข่ายเพื่อจะทำงานเฉพาะเจาะจงอย่างใดอย่างหนึ่ง ในรูป เป็นตัวอย่างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่จัดกลุ่มเชื่อมโยงเป็นระบบ


ตัวอย่างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่จัดกลุ่มอุปกรณ์รอบข้างเชื่อมโยงเป็นระบบ

เครือข่ายคอมพิวเตอร์ก่อให้เกิดความสามารถในการปฎิบัติการร่วมกัน ซึ่งหมายถึงการให้อุปกรณ์ทุกชิ้นที่ต่ออยู่บนเครือข่ายทำงานร่วมกันได้ทั้งหมดในลักษณะที่ประสานรวมกัน โดยผู้ใช้เห็นเสมือนใช้งานในอุปกรณ์เดียวกัน จึงเป็นวิธีการในการนำเอาอุปกรณ์ต่างชนิดจำนวนมาก มารวมกันเป็นเสมือนระบบเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่อุปกรณ์เหล่านั้นอาจจะมาจากต่างยี่ห้อ ต่างบริษัท ก็ได้

ความหมายของระบบเครือข่าย

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) หมายถึงการนำเครื่องคอมพิวเตอร์ มาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน โดยอาศัยช่องทางการสื่อสารข้อมูล เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ และการใช้ทรัพยากรของระบบร่วมกัน (Shared Resource) ในเครือข่ายนั้น

รูปแสดงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มีองค์ประกอบที่สำคัญ เพื่อการเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ได้แก่ คอมพิวเตอร์แม่ข่าย (File Server) ช่องทางการสื่อสาร (Communication Chanel) สถานีงาน (Workstation or Terminal) และ อุปกรณ์ในเครือข่าย (Network Operation System)


http://www.piacec.moe.go.th/~epower/ITF/menu/5_files/folder_new_hot.gifคอมพิวเตอร์แม่ข่าย
     คอมพิวเตอร์แม่ข่าย หมายถึงคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการทรัพยากร (Resources) ต่าง ๆ ซึ่งได้แก่ หน่วยประมวลผล หน่วยความจำ หน่วยความจำสำรอง ฐานข้อมูล และ โปรแกรมต่าง ๆเป็นต้น ในระบบเครือข่ายท้องถิ่น (LAN) มักเรียกว่าคอมพิวเตอร์แม่ข่าย ในระบบเครือข่ายระยะไกล ที่ใช้เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ หรือ มินิคอมพิวเตอร์เป็นศูนย์กลางของเครือข่าย เรานิยมเรียกว่า 
Host Computer และเรียกเครื่องที่รอรับบริการว่าลูกข่ายหรือสถานีงาน

http://www.piacec.moe.go.th/~epower/ITF/menu/5_files/folder_new_hot.gifช่องทางการสื่อสาร
ช่องทางการสื่อสาร หมายถึง สื่อกลางหรือเส้นทางที่ใช้เป็นทางผ่าน ในการรับส่งข้อมูล ระหว่างผู้รับ (Receiver) และผู้ส่งข้อมูล (Transmitter) ปัจจุบันมีช่องทางการสื่อสาร สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่าย คอมพิวเตอร์มีหลายประเภทคือ สายโทรศัพท์แบบสายคู่ตีเกลียวไม่มีฉนวนหุ้ม (UTP) สายคู่ตีเกลียว แบบมีฉนวนหุ้ม (STP) สายโคแอคเชียล สายใยแก้วนำแสง คลื่นไมโครเวป และดาวเทียม เป็นต้น

รูปแสดงช่องทางการสื่อสารโดยใช้จานรับดาวเทียม

สถานีงาน
สถานีงาน (Workstation or Terminal) หมายถึง อุปกรณ์หรือเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อ กับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่เป็นสถานีปลายทางหรือสถานีงาน ที่ได้รับการบริการจากเครื่อง คอมพิวเตอร์แม่ข่าย เรียกว่าเป็นคอมพิวเตอร์ลูกข่าย (Workstation) ในระบบเครือข่ายระยะใกล้ มักมีหน่วยประมวลผล หรือซีพียูของตนเอง ในระบบที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรม เป็นศูนย์กลาง เรียกสถานีปลายทางว่าเทอร์มินอล (Terminal) ประกอบด้วยจอภาพและแป้นพิมพ์เท่านั้น ไม่มีหน่วยประมวลกลางของตัวเอง ต้องใช้หน่วยประมวลผลของคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางหรือ Host

อุปกรณ์ในเครือข่าย
การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (Network Interface Card :NIC) หมายถึง แผงวงจรสำหรับ ใช้ในการเชื่อมต่อสายสัญญาณของเครือข่าย ติดตั้งไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นเครื่องแม่ข่าย และเครื่องที่เป็นลูกข่าย หน้าที่ของการ์ดนี้คือแปลงสัญญาณจากคอมพิวเตอร์ส่งผ่านไปตามสายสัญญาณ ทำให้คอมพิวเตอร์ในเครือข่ายแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันได้

รูปแสดงการ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย

องค์ประกอบของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
โมเด็ม ( Modem : Modulator Demodulator) หมายถึง อุปกรณ์สำหรับการแปลงสัญญาณดิจิตอล (Digital) จากคอมพิวเตอร์ด้านผู้ส่ง เพื่อส่งไปตามสายสัญญาณข้อมูลแบบอนาลอก(Analog) เมื่อถึงคอมพิวเตอร์ด้านผู้รับ โมเด็มก็จะทำหน้าที่แปลงสัญญาณอนาลอก ให้เป็นดิจิตอลนำเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อทำการประมวลผล โดยปกติจะใช้โมเด็มกับระบบเครือข่ายระยะไกล โดยการใชสายโทรศัพท์เป็นสื่อกลาง เช่น เครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
รูปแสดงการใช้โมเด็มในการติดต่อเครือข่ายระยะไกล

ฮับ ( Hub) คือ อุปกรณ์เชื่อมต่อที่ใช้เป็นจุดรวม และ แยกสายสัญญาณ เพื่อให้เกิดความสะดวก ในการเชื่อมต่อของเครือข่ายแบบดาว (Star) โดยปกติใช้เป็นจุดรวมการเชื่อมต่อสายสัญญาณระหว่าง File Server กับ Workstation ต่าง ๆ

แสดงฮับที่ใช้เป็นจุดเชื่อมต่อและจุดแยกของสาย


ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเครือข่าย
ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเครือข่าย หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่ จัดการระบบเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่ออยู่กับเครือข่าย สามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ ทำหน้าที่จัดการด้านการรักษาความปลอดภัย ของระบบเครือข่าย และยังมีหน้าที่ควบคุม การนำโปรแกรมประยุกต์ ด้านการติดต่อสื่อสาร มาทำงานในระบบเครือข่ายอีกด้วย นับว่าซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเครือข่าย มีความสำคัญต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์อย่างยิ่ง ตัวอย่าง ซอฟต์แวร์ประเภทนี้ได้แก่ ระบบปฏิบัติการ Windows NT , Linux , Novell Netware , Windows XP ,Windows 2000 , Solaris , Unix เป็นต้น

แสดงซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเครือข่าย

โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (TOPOLOGY)
การนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกันเพื่อประโยชน์ของการสื่อสารนั้น สามารถกระทำได้หลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละแบบก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป โดยทึ่วไปแล้วโครงสร้างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์สามารถจำแนกตามลักษณะของการเชื่อมต่อดังต่อไปนี้

1. โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบบัส (bus topology)
        โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบบัส จะประกอบด้วย สายส่งข้อมูลหลัก ที่ใช้ส่งข้อมูลภายในเครือข่าย เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง จะเชื่อมต่อเข้ากับสายข้อมูลผ่านจุดเชื่อมต่อ เมื่อมีการส่งข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่องพร้อมกัน จะมีสัญญาณข้อมูลส่งไปบนสายเคเบิ้ล และมีการแบ่งเวลาการใช้สายเคเบิ้ลแต่ละเครื่อง ข้อดีของการเชื่อมต่อแบบบัส คือ ใช้สื่อนำข้อมูลน้อย ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย และถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งเสียก็จะไม่ส่งผลต่อการทำงานของระบบโดยรวม แต่มีข้อเสียคือ การตรวจจุดที่มีปัญหา กระทำได้ค่อนข้างยาก และถ้ามีจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายมากเกินไป จะมีการส่งข้อมูลชนกันมากจนเป็นปัญหา

2. โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบวงแหวน (ring topology)
        โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบวงแหวน มีการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์โดยที่แต่ละการเชื่อมต่อจะมีลักษณะเป็นวงกลม การส่งข้อมูลภายในเครือข่ายนี้ก็จะเป็นวงกลมด้วยเช่นกัน ทิศทางการส่งข้อมูลจะเป็นทิศทางเดียวกันเสมอ จากเครื่องหนึ่งจนถึงปลายทาง ในกรณีที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งขัดข้อง การส่งข้อมูลภายในเครือข่ายชนิดนี้จะไม่สามารถทำงานต่อไปได้ ข้อดีของโครงสร้าง เครือข่ายแบบวงแหวนคือ ใช้สายเคเบิ้ลน้อย และถ้าตัดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เสียออกจากระบบ ก็จะไม่ส่งผลต่อการทำงานของระบบเครือข่ายนี้ และจะไม่มีการชนกันของข้อมูลที่แต่ละเครื่องส่ง


3. โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบดาว (star topology)
        โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบดาว ภายในเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะต้องมีจุกศูนย์กลางในการควบคุมการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ หรือ ฮับ (hub) การสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆ จะสื่อสารผ่านฮับก่อนที่จะส่งข้อมูลไปสู่เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แบบดาวมีข้อดี คือ ถ้าต้องการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ก็สามารถทำได้ง่ายและไม่กระทบต่อเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ ในระบบ ส่วนข้อเสีย คือ ค่าใช้จ่ายในการใช้สายเคเบิ้ลจะค่อนข้างสูง และเมื่อฮับไม่ทำงาน การสื่อสารของคอมพิวเตอร์ทั้งระบบก็จะหยุดตามไปด้วย





วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Download (การถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล)

Download คืออะไร

การดาวน์โหลด (Download) หมายถึง การดึงข้อมูลจากคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งซึ่งเป็นต้นทางมาเก็บไว้ยังเครื่องของเรา โดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์

การอัพโหลด (Upload) หมายถึง การนำข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ไปเก็บไว้ยังเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องที่ปลายทาง โดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์เรียกได้ว่าตรงกันข้ามกับดาวน์โหลด


ประเภทของโปรแกรมที่ให้บริการในอินเทอร์เน็ต

โดยทั่วไปโปรแกรมหรือไฟล์ที่เก็บอยู่ในโฮสต์ (เครื่องให้บริการ) มีหลายประเภทหากแบ่งตามลักษณะของการถ่ายโอนข้อมูล จะแบ่งเป็น 3 ประเภทคือ

1. ฟรีแวร์ (Freeware) หมายถึงโปรแกรมที่มีผู้สร้างขึ้นเพื่อแจกจ่ายให้แก่สาธารณชนใช้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีแวร์ไปใช้เองและถ่ายโอนให้ผู้อื่นต่อไปได้ โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องไม่นำไปขายหรือหารายได้จากโปรแกรมนั้น เช่น โปรแกรม Linux เป็นต้น

2. แชร์แวร์ (Shareware) หมายถึง โปรแกรมที่มีผู้สร้างขึ้นเพื่อตั้งใจจะจำหน่าย แต่ยอมให้ผู้สนใจนำไปทดลองใช้ก่อนโดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ แต่ถ้าหากพอใจและต้องการใช้งานอย่างจริงจัง จะต้องจ่ายเงินซื้อโปรแกรมดังกล่าวจึงจะได้โปรแกรมฉบับสมบูรณ์

3. คอมเมอร์เชียลแวร์ (Commercial ware) หมายถึง โปรแกรมที่สร้างขึ้นมาเพื่อจำหน่วย ไม่มีการแจกฟรี ผู้ใช้อาจจะได้ดูตัวอย่างบ้างแต่ไม่สามารถนำไปใช้งานได้ ถ้าหากต้องการจะต้องซื้อจึงจะดาวน์โหลดโปรแกรมมาใช้งานได้

โปรแกรมดาวน์โหลด-อัฟโหลดข้อมูลที่น่าสนใจ

1. โปรแกรม GetRigth

เป็นโปรแกรมเอฟทีพีที่ได้รับความนิยมมาก มีคุณสมบัติที่เด่น เช่นดาวน์โหลดไฟล์ขนาด
ใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว กรณีที่สายโทรศัพท์หลุดในระหว่างดาวน์โหลด โปรแกรมจะช่วยต่อโทรศัพท์อัตโนมัติ เมื่อดาวน์โหลดโปรแกรมเสร็จจะวางหูโทรศัพท์ให้ นอกจากนั้นช่วยปิดโทรศัพท์ให้เมื่อดาวน์โหลดเสร็จ และตั้งเวลาในการดาวน์โหลดไฟล์อัตโนมัติให้อีกด้วย

2. โปรแกรม Teleport Pro

เป็นโปรแกรมดาวน์โหลดที่นิยมใช้อีกโปรแกรมหนึ่ง เหมาะสำหรับดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ มีข้อมูลและรูปภาพปริมาณจำนวนมาก ทั้งนี้สามารถดาวน์โหลดเว็บไซต์ทั้งเว็บไวต์แล้วนำมาเปิดดูได้ภายหลัง โดยข้อมูลหรือเว็บไซต์ที่ดาวน์โหลดมาใช้งานนั้นจะสามารถนำมาให้บริการในลักษณะของ อินเทอร์เน็ตออฟไลน์ (Off-line) ที่เสมือนกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตตามปกติ โปรแกรม Teleport Pro นี้เป็นโปรแกรมประเภทแชร์แวร์หรือทดลองให้ใช้ ถ้าสนใจใช้เต็มรูปแบบต้องเสียค่าลงทะเบียนใช้เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมดังกล่าวมาทดลองใช้ที่ www.download.com

3. โปรแกรม Go!Zilla

โปรแกรมที่มีความสามารถโดดเด่นหลายประการ เช่น ดาวน์โหลดได้เร็ว ป้องกันสายหลุด ดาวน์โหลดได้หลายๆ ไฟล์พร้อมกัน และที่สำคัญโปรแกรมนี้ใช้งานได้ฟรี ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมนี้ได้ที่ www.gozilla.com

4. โปรแกรม WS-FTP

เป็นโปรแกรมอัพโหลดและดาวน์โหลดที่ได้รับความนิยมสูงซึ่งมีการพัฒนาปรับปรุงมา
อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นโปรแกรมที่สนับสนุนการดาวน์โหลดไฟล์พร้อมๆ กันและน่าใช้อีกโปรแกรม

5. โปรแกรม CuteFTP

เป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมอีกโปรแกรมหนึ่งที่สนับสนุนการดาวน์โหลดและ
อัฟโหลด สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมมาใช้ได้จากเว็บไซต์ www.cuteftp.com มีคุณสมบัติ
ที่น่าสนใจ เช่น

1. สามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้ต่อเนื่อง

2. สามารถหยุดขณะดาวน์โหลดได้โดยไม่เสียการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์

3. จัดลำดับการถ่ายโอนข้อมูลตามลำดับที่เลือกไว้

4. สร้างเว็บมิเรอร์ (Web Mirror) ของเว็บไซต์ทั้งหมด

5. สามารถกำหนดการอัฟโหลดไฟล์ด้วยตัวอักษรพิมพ์เล็ก พิมพ์ใหญ่หรือคงรูปแบบเดิม

วิธีการดาวน์โหลดข้อมูลจากเว็บไซต์

ในที่นี้จะขอกล่าวถึงการดึงข้อมูลมายังเครื่องที่เราใช้อยู่ ที่เรียกว่า การดาวน์โหลดข้อมูล (Download) โดยเป็นการดาวน์โหลดข้อมูลผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ให้บริการไฟล์ โปรแกรมฟรีหรือทดลองใช้ โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติ ดังนี้

1. เข้าไปยังเว็บไซต์ที่ให้บริการดาวน์โหลด ในที่นี้เลือก www.download.com พิมพ์ URL ที่ช่อง Address

2. เลือกหาโปรแกรมที่ต้องการดาวน์โหลด โดยการพิมพ์ชื่อโปรแกรมลงในช่องค้นหาชื่อโปรแกรม เช่น ต้องการโปรแกรม Winamp เสร็จแล้ว คลิกปุ่ม Search

3. คลิกเลือกโปรแกรมที่ต้องการ คือ โปรแกรม Winamp

4. เว็บไซต์จะบอกรายละเอียดของโปรแกรมที่ต้องการจะดาวน์โหลด เช่น ประเภท รุ่น วันที่ ขนาดไฟล์ คุณภาพของโปรแกรม เป็นต้น

5. คลิกเลือกปุ่ม Download

6. จะปรากฎหน้าต่าง Save as ให้เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการเก็บโปรแกรม

7. คลิกปุ่ม Save

8. โปรแกรมจะทำการดาวน์โหลด โดยมีหน้าต่างแสดงการโอนย้ายไฟล์ให้มองเห็น และเมื่อดาวน์โหลดเสร็จ ก็ติดตั้งโปรแกรมนั้นตามขั้นตอนการติดตั้งของโปรแกรมต่อไป

     สรุป Download คือการโอนย้ายไฟล์หรือข้อมูลจากที่หนึ่งไปอีกทีหนึ่ง เช่น การโอนไฟล์หรือว่าข้อมูลมาจาก อินเตอร์เนต หรือว่า จากคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ เข้ามาบันทึกเอาไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ในทางกลับกัน ถ้าเราจะนำไฟล์หรือข้อมูลของเรา
ไปบันทึกไว้เครื่องอื่น ที่มีการเชื่อมต่อกันมากกว่า 2 เครื่อง การโอนไฟล์หรือข้อมูลจากเครื่องของเรา
ไปบันทึกไว้บนเครื่องแม่ข่ายที่ใ้ห้บริการฝากข้อมูล หรือเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น จะเรียกว่า Upload ถ้าเรารับข้อมูลมา เรียกว่า การ Download ถ้าเราส่งข้อมูลออกไป เรียกว่า การ Upload


ที่มา : http://www.blogger.com/post-create.g?blogID=3644064993726346068